โดยทั่วไปแล้ว การเชื่อมเหตุการณ์สถานที่ เวลา ในรายการโทรทัศน์ เพื่อให้เกิดความน่าสนใจ ให้ผู้ชมมีความรู้สึกว่า เรื่องราวที่นำเสนอนั้นเป็นเรื่องราวเดียวกัน โดยไม่ขัดแย้งหรือภไม่นกระโดด ไม่ต่อเนื่อง (jump cut) มักจะใช้ transition เป็นเครื่องมือเชื่อมภาพอันได้แก่
1. FADE คือการเลื่อภาพเข้ามาในจอจากพื้นสี (fade in) หรือการเลื่อนภาพออกไปจากจอสู่พื้นสี (fade out) โดยที่ fade in ใช้สำหรับการเริ่มเรื่อง หรือเริ่มฉากใหม่ ซึ่งตรงกันข้ามกับ fade out ที่ใช้สำหรับการจบเรื่อง หรือการจบตอนเพื่อเริ่มตอนหรือฉากใหม่
2. CUT คือ ลักษณะการตัดตรง โดยเปลี่ยนจากภาพหนึ่งไปยังอีกภาพหนึ่งอย่างรวดเร็ว เพื่อจะเปลี่ยนภาพเหตุการณ์ เวลา หรือสถานที่ ไปสู่อีกภาพหนึ่งตามความต้องการ
3. DISSOLVE คือ การจางซ้อนโดยที่ค่อยๆเลือนภาพแรกลงในขณะที่ภาพที่สองก็ถูกเลือนเข้ามาแทน เหมาะสำหรับ การเปลี่ยนภาพที่ต้องการให้ความรู้สึกว่าถูกเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ นุ่มนวล หรือบางทีก็ใช้กับกรณีที่แก้ไขข้อบกพร่องของการต่อเหตุการณ์ เพื่อป้องกันการกระโดด อาทิเช่น ภาพที่มีลักษณะของคนละเวล าหรือสถานที่กัน
4. WIPE คือการกวาดภาพ เป็นเทคนิคพิเศษ ที่ใช้เพื่อการเปลี่ยนภาพเหตุการณ์ ที่เป็นภาพคนละเวลา หรือคน
1. FADE คือการเลื่อภาพเข้ามาในจอจากพื้นสี (fade in) หรือการเลื่อนภาพออกไปจากจอสู่พื้นสี (fade out) โดยที่ fade in ใช้สำหรับการเริ่มเรื่อง หรือเริ่มฉากใหม่ ซึ่งตรงกันข้ามกับ fade out ที่ใช้สำหรับการจบเรื่อง หรือการจบตอนเพื่อเริ่มตอนหรือฉากใหม่
2. CUT คือ ลักษณะการตัดตรง โดยเปลี่ยนจากภาพหนึ่งไปยังอีกภาพหนึ่งอย่างรวดเร็ว เพื่อจะเปลี่ยนภาพเหตุการณ์ เวลา หรือสถานที่ ไปสู่อีกภาพหนึ่งตามความต้องการ
3. DISSOLVE คือ การจางซ้อนโดยที่ค่อยๆเลือนภาพแรกลงในขณะที่ภาพที่สองก็ถูกเลือนเข้ามาแทน เหมาะสำหรับ การเปลี่ยนภาพที่ต้องการให้ความรู้สึกว่าถูกเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ นุ่มนวล หรือบางทีก็ใช้กับกรณีที่แก้ไขข้อบกพร่องของการต่อเหตุการณ์ เพื่อป้องกันการกระโดด อาทิเช่น ภาพที่มีลักษณะของคนละเวล าหรือสถานที่กัน
4. WIPE คือการกวาดภาพ เป็นเทคนิคพิเศษ ที่ใช้เพื่อการเปลี่ยนภาพเหตุการณ์ ที่เป็นภาพคนละเวลา หรือคน
ละสถานที่กัน โดยการกวาดในรูปแบบต่างๆ เช่นกวาดแนวตั้ง กวาดแนวนอน กวาดแนวเฉียง หรือกวาดเป็นรูปภาพ (matte key) ต่างๆ เหมาะสำหรับการเปลี่ยนที่มีการกระโดดของภาพ หรือสำหรับการจงใจโชว์ special effects เพื่อความน่าสนใจ
5. SUPERIMPOSE คือ การซ้อนภาพกับภาพ หรือการซ้อนภาพกับตัวหนังสือหรือกราฟิคต่างๆ โดยภาพทั้งสองปรากฏนจอในขณะเดียวกัน ทั้งนี้เพื่อความน่าสนใจในการติดตามชม
5. SUPERIMPOSE คือ การซ้อนภาพกับภาพ หรือการซ้อนภาพกับตัวหนังสือหรือกราฟิคต่างๆ โดยภาพทั้งสองปรากฏนจอในขณะเดียวกัน ทั้งนี้เพื่อความน่าสนใจในการติดตามชม
รูปแบบในการวางตำแหน่งลำดับช็อต
คือการเรียงลำดับเหตุการณ์ด้วยวิธีการต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. narrative cutting
2. cross cutting
3. montage cutting
4. dynamic cutting
5. parallel cutting
6. flashback cutting
คือการย้อนภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันแล้วย้อนกลับไปเล่าเรื่องในอดีต หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น
7. flash forward cutting
คือการเล่าเรื่องหรือเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น หรือเหตุการณ์ในอนาคต หรือความคิดฝันจากเรื่องหรือเหตุการณ์ที่กำลังเสนอโดยการใช้ transition เป็นเครื่องมือเปลี่ยนเวลา
คือการเรียงลำดับเหตุการณ์ด้วยวิธีการต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. narrative cutting
2. cross cutting
3. montage cutting
4. dynamic cutting
5. parallel cutting
6. flashback cutting
คือการย้อนภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันแล้วย้อนกลับไปเล่าเรื่องในอดีต หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น
7. flash forward cutting
คือการเล่าเรื่องหรือเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น หรือเหตุการณ์ในอนาคต หรือความคิดฝันจากเรื่องหรือเหตุการณ์ที่กำลังเสนอโดยการใช้ transition เป็นเครื่องมือเปลี่ยนเวลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น